หากไม่อยากถูกถอนใบอนุญาตให้ทำดังต่อไปนี้

          หากไม่อยากถูกถอนใบอนุญาต   เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้แล้ว และก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่อาจจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้มีการออกกฎหมายใหม่เพิ่มขึ้นมาโดยเริ่มมีผลใช้มาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม ปีพ.ศ. 2562 แล้วและยังคงมีผลบังคับใช้เรื่อยมา

จนถึงปัจจุบันว่าให้มีการบันทึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับรถยนต์ของประชาชนทั่วไปทุกคนที่ขับรถบนท้องถนน โดยกฎหมายอันนี้ได้มีการลงราชกิจจานุเบกษาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยหาทุกครั้งที่มีการทำความผิดให้มีการบันทึกความผิดไว้เพื่อนำมาหักคะแนน

โดยจะมีการตั้งคะแนนเอาไว้ และหากใครคนไหนที่มีการทำผิดจนถูกหักคะแนนจนหมด แล้วก็ยังจะทำความผิดเดิมๆซ้ำอยู่หรือที่เรียกง่ายๆว่ามีคะแนนติดลบนั้นจะมีการเพิกถอนใบขับขี่ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจะไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ได้ หากตำรวจตรวจสอบขึ้นมาก็สามารถจับคุณได้ ซึ่งแต่เดิมการทำผิดกฎจราจรนั้นจะทำเพียงการเสียค่าปรับเท่านั้น

แต่เนื่องจากว่าในปัจจุบันมีคนที่พยายามทำผิดกฎจราจรกันมากขึ้นและไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายดังนั้นจึงต้องมีการเพิ่มมาตรการสำหรับเอาไว้ลงโทษคนที่ไม่ยอมทำตามกฎจราจร แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าการทำผิดกฎจราจรแบบไหนที่จะทำให้คุณถูกตัดแต้มตัดคะแนน และที่สำคัญหากถูกตัดคะแนนแล้วต้องทำอย่างไร วันนี้เราจะนำข้อมูลคร่าวๆมาบอกกันนะคะ

        สำหรับคะแนนนั้นทุกคนที่มีใบขับขี่จะถูกกำหนดให้มี 12 คะแนน ดังนั้นหากถูกตัดจนหมดจะทำให้ไม่สามารถขับรถได้ 90วัน  และหากในวันเดียวกันมีการทำผิดกฎจราจรหลายข้อหาจะถูกหักคะแนนไม่เกิน 8 แต้มซึ่งกฎการตัดแต้มนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้หลังจากวันที่19 ธันวาคม 2562 ไปอีก 60 วัน

        สำหรับความผิดที่จะทำให้ถูกหัก 1คะแนนได้นั้น เช่น คุยโทรศัพท์ตอนขับรถ  ไม่คาดเข็มขัด  ขับรถบนทางเท้า ไม่ใส่หมวกกันน็อก ขับรถเร็ว ไม่ยอมหลีกทางให้กับรถฉุกเฉิน ไม่หยุดรถให้คนข้ามตรงทางม้าลายและไม่ยอมไปจ่ายค่าปรับตรงเวลา

       สำหรับความผิดที่จะตัด 2 แต้มนั้นมี ขับรถผ่าไฟแดง  ขับรถย้อนศร  เมาแล้วขับรถ ไม่มีใบขับขี่แล้วขับรถ และขับรถหวาดเสียวกับคนอื่นบนท้องถนน

       และที่จะหัก 3 แต้มคือ  ขับรถชนแล้วหนี  เมาแล้วขับและมีแอลกอฮอล์เกิน 150 มิลลิกรัม  แข่งรถบนท้องถนน ขับรถแล้วไปทำให้คนอื่นได้รับความเดือนร้อน

         และการหัก 4 แต้มคือ ขับรถชนคนตาย  ขับรถและเสพยา และมีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 200 ในขณะขับรถ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  aesexy

ข้อปฏิบัติของนักขับรถที่ดี 

  ข้อปฏิบัติของการขับรถที่ดี         ใกล้สิ้นปีแล้วหลายคนวางแผนการเดินทางเอาไว้ว่าจะขับรถไปเอง เพื่อที่จะได้แวะเที่ยวได้ตลอดการเดินทางแบบค่ำไหนนอนนั่น

การที่เราขับรถมีผู้โดยสารที่เป็นสมาชิกในครอบครัวเดินทางไปด้วยกัน เราจำเป็นต้องมีสมาธิมีสติให้มั่นเพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวของเรากับคนในครอบครัวได้เที่ยวอย่างสนุกและปลอดภัย

ดังนั้นเรามาดูกันว่านักขับรถที่ดีควรทำตัวและปฏิบัติตัวอย่างไรให้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง

1.สิ่งแรกทีมีการแนะนำทุกครั้งที่จะมีการเดินทางคือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะสิ่งนี้สำคัญกับผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะขับรถระยะใกล้หรือระยะไกล หากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอแล้วก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

2.กฎของการขับรถที่ดีคือ ควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ และทุกคนควรทำ 

3.การเคารพกฎจราจร  เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะทุกคนจะทราบดีอยู่แล้วว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นนอกจากจะเสี่ยงต่อการถูกจับจากตำรวจจราจรแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมีผลต่อชีวิตของคุณเองและคนในครอบครัวคุณด้วย

4.เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากรณีที่ขับรถทางไกลควรมีกาหยุดพักรถทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ทั้งคนทั้งรถได้พักผ่อน เพื่อคลายความเมื่อยล้า แล้วลงรถไปเดินยืดเส้นยืดสายหรือหาเครื่องดื่มเย็นๆกินแก้ง่วงหรือจะนอนสักงับ ร่างกายก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้น

5.เป็นที่รู้กันดีว่าอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของผู้ใช้รถใช้ถนนดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ในเวลาขับรถควรงดการใช้งานโทรศัพท์เพราะการที่เราคุยโทรศัพท์ขณะขับรถจะทำให้เราไม่ค่อยมีสมาธิในการขับรถสักเท่าไหร่ ยิ่งการพิมพ์ข้อความหรืออ่านไลน์อ่านเฟสยิ่งไม่ควรทำ เพราะเราต้องก้มหน้าขณะอ่านเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก

6.ในการขับรถไม่ว่าระยะทางจะใกล้หรือไกล สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรทำเลยก็คือ การดื่มสุราขณะขับรถ หรือการดื่มจากที่อื่นแล้วมาขับรถ เพราะจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุสาเหตุหลักๆจะมาจากเมาแล้วขับ

7.ขับรถด้วยความระมัดระวัง อย่างขับรถเร็วจนเกินไป ระวังเรื่องถนนลื่น เส้นทางโค้งหรือคดเคี้ยวไม่ควรขับเร็ว

8.หากระหว่างขับรถไปเจอคนขับรถคนอื่นไม่มีมารยาทใส่ เช่นขับปาดหน้า บีบแตรไล่ ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องหัวร้อนตามเขา เพราะหากเราต้องการที่จะเอาคืน ขับรถตามกันอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

สนับสนุนโดย   UFABET เว็บตรง

ขับรถตอนกลางคืนอย่างไรให้ปลอดภัย

   ขับรถกลางคืนอย่างไรให้ปลอดภัย      ใกล้สิ้นปีอีกรอบ มีวันหยุดยาวให้หยุดติดต่อกันหลายวัน หลายครอบครัวเลือกที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดและอีกหลายคนที่เดินทางมาทำงานต่างถิ่นก็จะได้หยุดกลับไปบ้านเกิด

ดังนั้น ในช่วงวันหยุดยาวนี้รถราบนท้องถนนจะมากเป็นพิเศษ ผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเดินทางในเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงที่รถเยอะในตอนกลางวันแล้ว การเดินทางตอนกลางคืนยังอากาศเย็นสบายมากกว่าตอนกลางวันอีกด้วย

          การเดินทางตอนกลางคืนผู้ที่เดินทางควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกายและใจ เพราะการขับรถตอนกลางคืนต้องใช้สมาธิมาก อีกทั้งยังเรื่องแสงสว่างที่บางจุดอาจไม่มีไฟทางทำให้การขับรถกลางคืนลำบากกว่าตอนกลางวันได้

แต่คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะเดินทางตอนกลางคืน เพื่อที่จะได้ถึงที่หมายในตอนเช้า และจะไม่มีเวลาเที่ยวให้นานมากขึ้น ดังนั้นวันนี้เราจึงมีวิธีการขับรถในตอนกลางคืนให้ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุมาบอกันค่ะ

  1. ก่อนเดินทางไกลควรมีการเตรียมร่างกายให้พร้อม นั่นก็คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหากร่างกายไม่พร้อม มีการง่วงนอนระหว่างขับรถจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
  2. เมื่อร่างกายพร้อมแล้ว รถยนต์ของคุณก็ต้องพร้อมด้วย ควรมีการนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทั้งระบบไฟของรถ ระบบเบรก ระบบแอร์ ทุกอย่างของรถยนต์ไม่ควรมีปัญหา เพื่อที่จะไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ
  3. หากเราต้องขับรถ อันที่จริงไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ไม่ควรทานยาที่จะทำให้เกิดอาการง่วง เพราะจะเป็นอันตราย แต่ถ้าง่วงจริงๆ ควรหาจุดจอดรถแล้วงีบหลับสัก 15-30 นาที เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
  4. การขับรถตอนกลางคืนให้ระมัดระวังไหล่ทางที่มักจะมีรถมาจอดเป็นจำนวนมาก เช่น รถสิบล้อที่มักพักนอนหลับ หรือบางครั้งรถที่เสียก็จะมีการจอดรอช่างตามไหล่ทาง ดังนั้นควรสังเกตถนนและไหล่ทางให้ดีๆ อย่าขับชิดไหล่ทางมากเกินไป
  5. การขับรถที่ดีไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนไม่ควรขับรถจี้ตูดรถคันอื่นมากนัก ควรเว้นระยะไว้บ้างเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้เบรกได้ทัน
  6. และอีกอย่างที่เวลาขับรถกลางคืนควรทำคือ ไม่ควรขับรถเร็วมากนัก และควรมีการจอดพักเป็นระยะทุกๆ 2 ชั่วโมงถึงแม้จะไม่ง่วงก็ตามเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดเวลา ควรหาซื้อน้ำเย็นๆชื่นใจ เอาไว้ดื่มตลอดทาง 

          นี่เป็นหลักการขับรถในตอนกลางคืนคร่าวๆที่จะทำให้คุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และหากเป็นไปได้ก็หาผู้ร่วมทางนั่งพูดคุยเป็นเพื่อนหรือเตรียมเพลงมันส์ๆเอาไว้เปิดฟังเวลาขับรถจะได้ไม่รู้สึกง่วงนอน

พวกเราควรจะทำยังไงหากจำต้องขี่รถไปในทางที่จำเป็นต้องพบกับปัญหารถติด 

ปัญหารถติด   เป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าเมืองไทยนั้นชอบมีปัญหาเรื่องจำนวนรถยนต์มากยิ่งกว่าจำนวนถนนหนทางด้วยเหตุนี้ในตอนที่เป็นชั่วโมงเร่งรีบที่ผู้คนต่างก็รีบไม่ว่าจะรีบไปสถานที่เรียนหรือไปปฏิบัติงานคือการที่จะรีบออกไปพบลูกค้าตั้งแต่ยามเช้าในเวลาเช้าตั้งแต่ 07:00 น. ถึง 08:00 น.

ตอนเช้าจะมีผลให้ตอนนี้ถนนหนทางดูเหมือนจะทุกเส้นในเขตจังหวัดกรุงเทพมีจำนวนรถยนต์ที่หนาแน่นซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าเกิดคนใดกันที่จะจำต้องตื่นมาแล้วจะต้องพบกับปัญหารถติดอย่างนี้วันแล้ววันเล่าจากผู้ที่เคยบางทีอาจจะทำให้ท่านเปลี่ยนเป็นผู้ที่รำคาญแล้วก็ขี้รำคาญได้ง่ายและเมื่อพวกเราจำเป็นต้องไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดปัญหารถติดบางโอกาสพวกเราก็พบเหตุที่รีบด่วน

ซึ่งหาทางออกไม่ได้พวกเราจึงควรมีการเตรียมพร้อมถ้าพวกเราจำเป็นที่จะต้องไปในทางที่มีเหตุการณ์รถติดจริงๆพวกเรามาดูกันว่าหาจะต้องขับไปในบริเวณที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริเวณที่มีปัญหาเกี่ยวกับรถมากการเตรียมตัวยังไงถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด 

เริ่มแรกเลยหากคุณจะต้องออกมาจากบ้านของคุณคุณควรจะมีการจัดแจงธุระของคุณให้เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นการปัสสาวะหรืออุจจาระเพื่อที่คุณจะได้ไม่มีปัญหาระหว่างการเดินทางซึ่งในกรุงกรุงเทพมหานครยิ่งแล้วใหญ่เพราะว่าจะหาปั๊มระหว่างทางค่อนข้างยากและถ้าหากรถติดจะทำให้คุณไม่สามารถหนีไปเข้าห้องน้ำที่ไหนได้เลยและที่สำคัญก่อนออกจากบ้านคุณควรจะทานอาหารเช้ามาให้เรียบร้อย

เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าถ้าบริเวณไหนที่มีปัญหารถติดบางครั้งตรงจุดนั้นอาจจะติดนานถึงครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงเลยก็ได้ซึ่งถ้าหากเราไม่ทานอะไรแล้วเกิดมาหิวระหว่างทางขึ้นมาแล้วแล้วก็คุณจะรู้สึกว่าการมาหูหิวมันแย่มากแค่ไหนหรืออาจเป็นไปได้คุณอาจจะ เตรียมขนมปังหรือแซนด์วิชใส่กล่องมากินระหว่างทางก็ได้เพื่อเป็นการเตรียมความผอมหากคุณหิวเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมากินได้ทันที

และที่สำคัญอย่าลืมนำน้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือกาแฟติดรถขึ้นมาด้วยเพื่อจะได้ช่วยให้คุณมีอะไรกินในระหว่างที่รถติดอยู่ซึ่งถ้าหากเป็นกาแฟก็จะทำให้คุณหายง่วงนอนในยามเช้าที่ต้องตื่นขึ้นมาแล้วเมื่อเจอกับปัญหารถติดได้ในระหว่างทีรถติดคุณสามารถเปิดเพลงฟังหรือเปิดฟังข่าวระหว่างที่รอให้รถเคลื่อนตัวไปก็ได้จะช่วยให้คุณไม่เครียดกับสถานการณ์รถติดได้เป็นอย่างมาก  

 

ขอขอบคุณ  gclub  ที่ให้การสนับสนุน

มีอะไรบ้างที่เราควรต้องตรวจสอบหลังจากที่ต้องขับรถทางไกล

ควรต้องตรวจสอบหลังจากที่ต้องขับรถทางไกล เวลาที่เราต้องขับรถไปไหนไกลๆเรามีการใช้รถเป็นระยะเวลานานซึ่งบางครั้งในระหว่างที่เรามีการขับรถออกไปนั้นอาจจะทำให้รถของเราชำรุดสุดโทรมลงได้เพราะฉะนั้นหลังจากที่เรากลับมาจากการเดินทางไกลแล้วเราควรมีการตรวจสอบเช็คสภาพเครื่องยนต์ต่างๆ

ของเราให้เรียบร้อยว่ายังคงอยู่ในสภาพดีหรือไม่หรือควรจะต้องนำไปติดต่อให้ศูนย์เค้าแก้ไขซ่อมแซมอะไรหรือเปล่าเพื่อการใช้งานของเราจะได้ไม่มีปัญหาในอนาคตดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำสิ่งที่คุณต้องตรวจสอบว่าควรจะมีอะไรบ้าง 

1 น้ำมันเครื่องสิ่งที่คุณควรจะเช็คเป็นอันดับแรกเลยนั่นก็คือคุณตู่สอบวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์ว่ามันยังอยู่ในสภาพที่ปกติดีหรือไม่มีการบกพร่องอะไรหรือเปล่าแล้วคุณจะเช็คให้มั่นใจว่าระดับน้ำมันเครื่องของเราอยู่ในระดับปกติธรรมดา 

 ซึ่งน้ำมันเครื่องไม่สมควรจะผอมลงไปเยอะหากต้องเทียบกับระดับก่อนที่เราจะเดินทางไกลการตรวจสอบน้ำมันเครื่องควรเช็คทั้งระดับน้ำมันเครื่องและอาจจะต้องเช็คด้วยว่ามีการรั่วซึมตรงไหนบ้างหรือไม่สำหรับน้ำมันเครื่องที่ดีมีคุณภาพควรจะไม่มีสีดำจนเกินไป

รวมถึงต้องไม่มีเค้าเมาเสร็จอะไรอยู่เจือปนด้วยซึ่งถ้าหากเราพบสิ่งแปลกปลอมต่างๆเราควรจะต้องติดต่อศูนย์เพื่อขอเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทันที 

2ต้องมีการตรวจเช็คสภาพลมยางเพราะว่าการเดินทางไกลยังไงก็ต้องส่งผลต่อลมยางอยู่แล้วว่าลมยางอาจจะต้องรถน้อยลงดังนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านเราจึงควรเช็คลมยางและหากลดลงเยอะก็ควรเติมให้อยู่ในสภาวะปกติเหมือนเดิมซึ่งการเช็คลมยาง

นอกจากจะดูว่าเราต้องควรเติมเพิ่มหรือไม่แล้วยังควรดูอีกหรือว่าตอนที่เราขับรถทางไกลนั้นเราได้มีการไปเหยียบตะปูหรืออย่างอื่นหรือไม่ที่จะส่งผลให้ลมยางของเราด้วยสูงได้เพราะหากเจอว่าลมยังมีการรั่วซึมเราจะได้รีบแก้ไขประลมยางได้ทันท่วงทีเพื่อป้องกัน

การเกิดอุบัติเหตุ 3เช็คพวกช่วงล่างและระบบการสั่นสะเทือนเนื่องจากการขับรถทางไกลบางครั้งเราอาจจะไปในเส้นที่ไม่คุ้นทางซึ่งถนนอาจจะมีการขรุขระ เราอาจจะขับรถตกหลุมตกร่องได้ซึ่งจะมีผลทำให้สภาพรถอาจมีความผิดเพี้ยนไปได้โดยเฉพาะศูนย์ล้อดังนั้น

เมื่อกลับมาจากการเดินทางไกลแล้วควรจะเช็คว่าศูนย์ถ่วงล้อของรถเรายังอยู่ในสภาวะปกติดีหรือไม่ขั้นตอนการเช็คทำเพียงแค่ปล่อยพวงมาลัยในขณะที่เราปล่อยให้รถเคลื่อนตัวหากรถพิการเฉไปด้านข้างแสดงว่าศูนย์ถ่วงล้อมีปัญหาควรนำรถยนต์ของเราไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่

 

สนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ