เมื่อสองยอดทีมแต่ละประเทศต้องมาเจอกัน

ศึกฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปได้เดินทางมาจนถึงนัดสุดท้ายในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งก็เป็นการพบกันระหว่าง ปารีส แซงแชร์ แมงค์ จากประเทศฝรั่งเศส และ เสือใต้ บาเยิรน์ มิวนิค จากประเทศเยอรมัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันในปีนี้มาก

ซึ่งหากดูความพร้อมของทั้งสองทีมแล้วนั้นต้องบอกได้ว่าเต็มพิกัดกันทั้งคู่ โดยในฝั่งของเสือใต้ บาเยิรน์ มิวนิค นั้นสำหรับฤดูกาลนี้เรียกได้ว่ากวาดแชมป์ในประเทศไปแล้วสองแชมป์ไม่ว่าจะเป็นเดเอฟเอโพคาล บอลถ้วยของประเทศเยอรมันหรือจะเป็นแชมป์ลีกในประเทศ

และที่สำคัญไปกว่านั้น ตั้งแต่กลับมาเตะหลังจากช่วงหยุดเบรกพักโควิดไปนั้น ทีมเสือใต้ไล่กวาดชัยชนะได้ร้อยเปอร์เซนต์เต็ม แบบไม่แพ้และไม่เสมอเลย

ส่วนในเรื่องของตัวผู้เล่นนั้น ไม่มีปัญหาแข้งบาดเจ็บแต่อย่างใด นำทัพด้วย ศูนย์หน้าตัวเก่งอย่าง โรเบิรต์ เลวาน ดอฟกี้ และโทมัส มุลเลอร์  ส่วนยอดทีมจากฝรั่งเศสนั้น เรียกได้ว่าครั้งนี้คือนัดชิงประวัติศาสตร์ของพวกเค้า

เพราะในประวัติศาสตร์ถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกนั้น ยังไม่เคยมีทีมจากฝรั่งเศสทีมไหนที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้เลย ซึ่งถ้าพวกเค้าทำได้จะกลายเป็นทีมแรกจากแดนน้ำหอมที่คว้าถ้วยใบนี้ได้ และยิ่งไปกว่านั้น จะทำให้เค้ากวาดแชมป์ทั้งสี่ถ้วยได้ในฤดูกาลนี้ เพราะก่อนหน้านั้น  พวกเค้าคว้าแชมป์บอลถ้วยมาแล้วสองถ้วยในประเทศ

และแชมป์ลีกในประเทศมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และส่วนเรื่องตัวผู้เล่นนั้น ก็เรียกได้ว่าครบทีมกันอย่างพร้อมเพียง ซึ่งจะนำทัพโดย เนย์มาร์ และเอ็มบัปเป้ โดยตามทัศนะของสื่อทั่วโลกนั้นมองว่านี้เป็นเกมคู่ชิงนัดใหญ่อย่างแท้จริง

เพราะมีเดิมพันของความเป็นยอดทีมและโครตทีมของยุโรป และยังมาเจอกันแบบถูกที่ถูกเวลาในช่วงที่ทั้งสองทีมอยู่ในฟอร์มที่พีคสุดๆ ซึ่งตามคาร์ดการณ์ของสื่อทุกสำนักทั่วโลกนั้น คิดว่าเกมน่าจะผลัดกันรุกและรับกันอย่างเมามันส์ และมีโอกาสที่จะยืดเยื้อกันไปจนถึงช่วงต่อเวลาด้วย แต่จุดได้เปรียบของปารีสนั้น สื่อทุกสำนักได้มองว่า ด้านกุนซือของปารีส อย่าง โทมัส ฮุงเคิล นั้นรู้จักทีมเสือใต้เป็นอย่างดี

เพราะเคยรับมือและปะทะกันมาตั้งแต่คุมเสือเหลืองแล้ว อีกทั้งแรงผลักดันและความกระหายของนักเตะปารีสเองที่เฝ้ารอแชมป์ถ้วยนี้มาอย่างยาวนาน น่าจะทำให้มีพลังฮีดมากกว่าเสือใต้อย่างแน่นอน ดังนั้น เชื่อว่าค่ำคืนนี้สุดท้าย ปารีส จากแดนน้ำหอมน่าจะเป็นฝ่ายคว้าถ้วยนี้ไปครองได้อย่างมั่นใจ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    sagame

หลายเหตุผลที่เมสซี่ ไม่ควรย้ายมาเล่นที่แมนซิตี้

กระแสยังคงมีให้พูดถึงกันแบบไม่หยุดกับข่าวการที่เมสซี่ จะย้ายทีมจากบาร์ซ่า ซึ่งในตอนแรกๆ หลายสื่อทุกสำนักก็ทายกันไปว่าถ้าหากเมสซี่ ย้ายจริงแล้วนั้น เค้าจะย้ายไม่อยู่ทีมไหน

เพราะด้วยเหตุผลคือทีมนั้นต้องมีปัญญาจ่ายค่าตัวให้กับบาร์เซโลน่า และต้องมีปัญญาจ่ายค่าเหนื่อยให้กับตัวนักเตะเองด้วย ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญคือ ทีมนั้นต้องมีศักยภาพพอที่จะทำให้เมสซี่ ได้ไปเล่น แชมป์เปี้ยนลีกและมีโอกาสคว้าบังลังค์ดอร์

ซึ่งหากจะมองกันในตอนนั้น ก็จะมี แมนซิตี้ เรือใบสีฟ้า แมนยูไนเต็ด ผีแดง ปารีส แซงแชร์แมงค์ ยักษ์ใหญ่ให้ฝรั่งเศส รวมไปถึงเจ้างูใหญ่อินเตอร์มิลาน แต่พอเวลาผ่านไปสักพักตอนนี้กระแสที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือ เรือใบสีฟ้า แมนซิตี้

แต่ถึงกระนั้นเหล่าตำนานนักเตะหลายๆคน ก็ได้ออกมาเตือนทางสโมสรว่าอย่าได้ซื้อ เมสซี่ มาร่วมทีม เพราะด้วยเหตุผลหลายๆอย่างที่อาจจะทำให้นักเตะผิดหวัง และสโมสรเองก็จะมีปัญหาด้วย ซึ่งก็จะมีเรื่องของ

1.ค่าตัวที่มหาศาล เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วนั้น หากได้ย้ายไปจริงๆ แล้วมีการจ่ายเงินกันขึ้นมา ทางเรือใบสีฟ้าอาจจะโดนตรวจสอบเรื่องฐานะการเงินอีกครั้ง หลังจากที่ได้เคยทำผิดกฎแล้วรอดมาได้ครั้งหนึ่ง และถ้าครั้งนี้โดนตรวจสอบอีก อาจจะทำให้การย้ายของเมสซี่ มีปัญหาและอาจจะกระทบต่อความรู้สึกของเจ้าตัวเองด้วย

2.เรื่องของอายุ ซึ่งปัจจุบันนั้น เมสซี่ มีอายุ 33 ปี แล้ว นั่นคือปลายชีวิตของนักฟุตบอล ดังนั้นการที่จะซื้อใครสักคนด้วยเงินมหาศาลแต่สามารถเล่นกับสโมสรได้เต็มทีก็สามปี ซึ่งตอนนั้นเมสซี่ก็จะอายุ 36 ปี แล้ว อาจจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม

3.ตัดอนาคตดาวรุ่ง หากเมสซี่ย้ายมาจริง แน่นอนว่าหนึ่งตำแหน่งที่ทาง เป๊ป ต้องล็อกไว้แล้วห้ามเปลี่ยนตัวออกนั่นก็คือเมสซี่ ซึ่งอาจจะทำให้การหมุนเวียนนักเตะสำหรับการใช้งานมีปัญหาอีกทั้งยังสกัดดาวรุ่งไม่ให้มีพื้นที่ในการแจ้งเกิดอีกด้วย

4.สิทธิพิเศษในทีม หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาก่อนระหว่างเป๊ป กับเมสซี่ เมื่อแปดปีที่แล้ว อะไรอะไรก็เปลี่ยนไป เมสซี่ ไม่ใช่เด็กน้อยในมือเป๊ป อีก ดังนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาบางอย่างกับสิทธิพิเศษในหลายๆเรื่องที่นักเตะได้รับจากบาร์เซโลน่า และอาจจะบานปลายไปถึงนักเตะคนอื่นๆ ให้เกิดความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นภายในทีมได้

ดังนั้นสรุป อย่าซื้อมาเลยจะดีกว่า

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    ae บาคาร่า

ขับรถมือใหม่ปลอดภัยไว้ก่อน

        สำหรับผู้ที่เคยจับรถครั้งแรก หลังจากที่ไปร่ำเรียนวิชาการขับรถมาจากอาจารย์โรงเรียนสอนขับรถ ครั้งแรกที่ต้องขับรถคนเดียวคนรู้สึก ไม่มั่นใจ หวาดกลัว ซึ่งอาการนี้เป็นเหมือนกันหมดทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงแต่เมื่อเราขับบ่อยบ่อย

เราก็มักจะชินและเก๋งไปเอง แต่กว่าจะขับรถได้ชินและเก่งเราก็ควรขับรถอย่างระมัดระวังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนสำหรับมือใหม่หัดขับบนถนนใหญ่ วิธีการดูแลตัวเองในการขับรถครั้งแรกนั้นมีดังต่อไปนี้ 

1.ในการขับรถครั้งแรกนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการตรวจสอบรถให้เรียบร้อยก่อนที่เราจะขับออกจากบ้านเนื่องจากว่าเป็นการขับรถครั้งแรกของเราดังนั้นเราควรทบทวนอุปกรณ์อยู่ตรงไหนก่อนที่จะมีการขับรถไม่ว่าจะเป็นเบรคตรงไหน  คันเร่งตรงไหน  เปิดไฟหน้ารถตรงไหน  ที่ปัดน้ำฝนตรงไหน  รวมถึงช่องที่ใส่เติมน้ำมันตรงไหน  แล้วที่สำคัญในรถมีที่ชาร์จแบตมีสายชาร์จหรือไม่และจุดที่จะใช้สายชาร์จเสียบเชื่อมต่อกันอยู่ตรงจุดไหน แบตเตอรี่มือถือหมดจะได้หาที่ชาร์จแบตได้

2.เช็คข้อมูลก่อนออกเดินทางครั้งว่าเรามีเอกสารเกี่ยวกับรถติดรถเรียบร้อยแล้วหรือไม่เช่น  พรบ.รถยนต์รวมถึงเอกสารการต่อภาษีเพราะหากมีปัญหาคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจกวักมือเรียกเราจะได้ไม่ต้

3.องตื่นตระหนกตกใจและไม่ต้องเสียค่าปรับ

4.มือใหม่หัดขับรถไม่ควรที่จะวิ่งเลนขวาเพราะเป็นเลนส์สำหรับรถที่วิ่งเร็วและเอาไว้สำหรับวิ่งแทนดังนั้นเราควรจะวิ่งอยู่ที่เลนซ้ายดีที่สุดและคนขับรถไม่เร็วมากนักคนดูป้ายบอกทางให้ชัดเจนว่ามีการกำหนดความเร็วไว้ที่เท่าไหร่

5.ขณะขับรถรักษาระยะห่างระหว่างคันหน้ากับรถคันของเราให้เป็นอย่างดี ไม่ควรขับชิดจนเกินไปควรจะเว้นระยะห่างเอาไว้ อย่างน้อยต้อง 1-2 เมตรซึ่งเว้นระยะห่างมากแค่ไหนให้ดูสถานการณ์บนท้องถนนท่าลดขาแน่นมากควรเว้นระยะห่างเอาไว้ประมาณ 1 เมตรก็พอและที่สำคัญการขับรถควรดูแลถนนให้ชัดเจนไม่ขับรถเข้าเลน  ว่าจะไปกีดขวางการจราจรของคนอื่นและอาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

6.ฝึกหัดขับรถใหม่ไม่ควรจะเล่นมือถือขณะขับรถหรือแม้แต่การทำกิจกรรมอื่นๆควรใส่ใจกับการจับพวงมาลัยและพยายามมีสมาธิในการขับรถให้มากที่สุดแปลว่าบางครั้งเราจะอยู่ในสถานการณ์ที่รถติดไฟแดงแต่ก็ไม่ควรเอามือถือขึ้นมาเล่น

เพราะเราควรจะดูสัญญาณไฟตลอดเวลารวมถึงหากขณะขับรถมีโทรศัพท์เข้าและจำเป็นต้องรับสายเราควรมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเสียบหูฟังแทนการใช้มือจับแนบกับใบหน้าเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ 

 

สนับสนุนโดย  สมัคร Gclub

ประธานฟีฟ่า เตรียมตัวมอบเงินช่วยเหลือฟุตบอลไทย

   มีการอนุมัติเงิน 1500 ร้านดอลลาร์จากสภาบริหาร FIFA เพื่อช่วยเหลือเหล่าบรรดาประเทศสมาชิกฟุตบอลที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า

    เมื่อวันที่ 30 เดือนกรกฎาคมปีพศ 2563   ทางผู้บริหารของฟีฟ่านั้นได้มีการแจ้งเกี่ยวกับเรื่องของเงินที่จะนำมาช่วยเหลือประเทศในกลุ่มสมาชิกขององค์กรฟีฟ่าซึ่งทางคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติได้ออกมาอนุมัติวงเงินช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยในขณะนี้ฟีฟ่ามีสมาชิกทั้งหมด 211 ประเทศด้วยกันและทุกประเทศต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของไวรัสโคโรน่าซึ่งตอนนี้ยอดเงินที่อนุมัติจะให้มาช่วยเหลือประเทศในสมาชิกฟุตบอลของฟีฟ่านั้นมีการอนุมัติยอดเงินมาแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หรือถ้าหากอยากจะทราบเป็นเงินไทยก็มีการคำนวณออกมาเป็นยอดประมาณ สี่หมื่่นห้าพันล้านบาทไทย ซึ่งเงินจำนวนนี้ทางได้มีการประชุมตกลงการเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะนำเงินนี้ไปช่วยเหลือถ้าสมาชิกต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสซึ่งเงินนี้จะสามารถทำให้

ประเทศสมาชิกฟุตบอลของฟีฟ่านั้นสามารถที่จะนำมาฟื้นฟูกิจการฟุตบอลของแต่ละประเทศได้ซึ่งในตอนนี้ทางฟีฟ่าเองก็กำลังมีการประชุมวางแผนการกันว่าจะมีการมอบเงินช่วยเหลือนี้อย่างไรเนื่องจากว่าสมาชิกของฟีฟ่านั้นมีมากกว่า 211 ประเทศ

ซึ่งถ้าตรวจสอบว่ามีกี่ทวีปก็นับได้รวมถึง 6 ทวีปเลยทีเดียวการช่วยเหลือสมาชิกฟุตบอลของฟีฟ่านั้นจะมีการช่วยเหลือออกเป็น 2 ช่วงครึ่งช่วงแรกนั้นก็จะเป็นการแจ้งให้กับทางเหล่าสมาชิกของฟีฟ่าได้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องของเงินที่จะช่วยเหลือว่าแต่ละประเทศนั้นจะได้เงินช่วยเหลือประมาณเท่าไหร่

หลังจากนั้นในช่วงที่ 2 ก็จะมีการนำเงินที่ได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้วเข้าไปช่วยเหลือและช่วยวางแผนการจัดการให้มีการใช้เงินได้อย่างเป็นระบบระเบียบและการอนุมัติเงินช่วยเหลือนั้นทางฟีฟ่าแรงเห็นแล้วว่าแต่ละประเทศนั้น

ควรจะได้รับเงินอนุมัติอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาทไทยหรือประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการที่จะเข้าไปช่วยเหลือเกี่ยวกับกิจการของฟุตบอลชายแล้วถ้าหากประเทศไหนมีการแข่งขันฟุตบอลหญิงก็จะได้รับเงินช่วยเหลืออีก

ห้าแสนดอลลาร์หรือถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 15 ล้านบาทในการที่จะนำเงินดังกล่าวนั้นไปช่วยเหลือฟุตบอลหญิง ช่วยเหลือนี้ทางฟีฟ่ายืนยันว่าจะเป็นเงินที่ช่วยเหลืออย่างแท้จริงโดยที่ไม่คิดเก็บดอกเบี้ยกับทางประเทศที่รับเงินไป

       สำหรับประเทศไทยของเราเองนั้นก็เฝ้ารอเตรียมรับเงินที่ทางฟีฟ่าจะส่งมาช่วยเหลือ เพื่อนำเงินดังกล่าวมาพัฒนากิจการฟุตบอลไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ ฝากขั้นต่ำ 50